ไม่เป็นผล! ชายพิการโยกสามล้อขอนอนวัด โต้สร้างกระแส แค่อยากเรียกร้องสิทธิ

จากกรณีของหนุ่มสุโขทัย เคยทำงานเมืองกรุงแล้วตกตึก 6 ชั้นกลายเป็นคนพิการ พอกลับบ้านเกิดไปทำงานแฮนด์เมด สุดท้ายโดนตัดสิทธิคนพิการ ก่อนตัดสินใจโยกรถสามล้อจากจ.สุโขทัย ไปยืนยันสิทธิที่กรมบัญชีกลาง โดยใช้เวลา 3 สัปดาห์ ระยะทาง 400 กม. มาถึงจ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2567 เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พระนครศรีอยุธยา นายธราพงษ์ สุรวงศ์ ปลัดอำเภอบางปะหัน และพ.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยกับนายมณฑล ชายผู้พิการ ที่โยกรถสามล้อมาจากจ.สุโขทัย โดยขณะนี้พักชั่วคราวอยู่ภายในวัดเทพอุปการาม หรือวัดตานิม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา

เจ้าหน้าที่พยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม เพื่อพาชายรายนี้ไปดำเนินการเรื่องเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ที่อ.อบางปะหัน เพื่อดำเนินการยื่นขอสิทธิ์รับเบี้ยผู้พิการ ซึ่งเจ้าตัวยินดีที่จะไปทำบัตร แต่ต้องหลังจากไปพบกับผู้บริหารกรมบัญชีกลาง และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก่อน

ระหว่างเจรจาเจ้าหน้าที่ยื่นโทรศัพท์ให้ชายรายนี้ดูเอกสารข้อมูลทะเบียนราษฎร ให้กับชายพิการรายนี้ดู เพื่อยืนยันได้ดำเนินการช่วยเหลือแล้ว ชายรายนี้จึงชูโทรศัพท์ขึ้นให้นักข่าวดู และบอกว่า… ปิ๊ง นี่ไง ได้แล้วเอกสาร

จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ในเมื่อได้รับเอกสารแล้วทำไม ยังยืนยันที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพณอยู่ นายมณฑล บอกว่า… เดี๋ยวจะไปแฉ และบอกว่าจะให้กระทรวง พม. ปลดป้ายลง เพราะชื่อที่ติดอยู่สวยหรู แต่กลับไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย แล้วผมต้องการเป็นตัวแทนในการไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ เพื่อทวงสิทธิ์ให้กับกลุ่มผู้เปราะบาง และผมมีเอกสารที่จะส่งให้ดูด้วย

นายมณฑล ยืนยันว่า การออกมาของตนไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร และไม่ได้ต้องการรับเงินบริจาคหรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องการอยากเรียกร้องตามสิทธิ์ที่หายไป และช่วยเหลือผู้พิการรายอื่นที่มีปัญหาเหมือนกับตน พร้อมยืนยันว่าที่พูดให้สัมภาษณ์กับสื่อ ตนมีสติสัมปชัญญะดี จากนั้นเจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือให้สื่อมวลชนออกจากพื้นที่ เพื่อไม่เป็นการกดดันชายพิการรายนี้

ด้านนายธราพงษ์ สุรวงศ์ ปลัดอาวุโสอำเภอบางปะหัน บอกว่า เบื้องต้นทราบว่าชายรายนี้ ชื่อถูกย้ายมาอยู่ที่ทะเบียนกลาง เนื่องจากถูกออกหมายจับเมื่อปี 63 แต่หลังจากคดีสิ้นสุด เจ้าตัวไม่ได้ไปติดต่อกับทางราชการดำเนินการด้านเอกสาร จึงทำให้ถูกตัดสิทธิ์ และเมื่อเดินทางไป เพื่อไปขอทำบัตรประชาชนที่อ.อศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย จึงทราบว่าถูกตัดสิทธิ และทำการทวงสิทธิขอรับเบี้ยผู้พิการ

ซึ่งในกรณีนี้ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งว่า เกิดจากความเข้าใจคาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่ด้วยหรือไม่ เพราะตามหลักการเจ้าตัว ต้องเอาใบบริสุทธิ์ ไปยืนยันสิทธิกับเจ้าหน้าที่ที่อำเภอ ทั้งนี้เมื่อสอบถามว่าช่วงระยะเวลาที่ถูกตัดสิทธิ์จะมีผลย้อนหลังในการรับเบี้ยหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าไม่มีผลย้อนหลัง

ต่อมาเวลา 17.00 น. แพทย์และเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลบางปะหันเดินทางมาตรวจสุขภาพ พบว่าความดันประมาณ 236 และจากการเกลี้ยกล่อมของ จนท. และเจ้าอาวาสวัดอินกัลยา แต่สุดท้ายไม่เป็นผลชายพิการยืนยันว่าจะนอนที่วัดเทพอุปการาม

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *