ฮามาสเหี้ยม นึกว่าตาย! หนุ่มอุดรฯฮึดสู้ โดนปาดคอ-แทงเลือดท่วม เมียเห็นภาพสุดช็อก

วันที่ 12 ต.ค. 2566 ณ.ที่บ้านพัก บ้านสระคุ ต.หนองหัวคู อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี น.ส.วาสนา พิมพ์สุวรรณ อายุ 27 ปี และด.ญ.กัลยรัตน์ อายุ 5 ขวบ ภรรยาและลูกสาว นายวิทวัส กุลวงศ์ หรือแจ็ค อายุ 34 ปี แรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งรอดชีวิตหลังถูกกลุ่มฮามาสโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้วิดีโอคอลกับนายวิทวัส หลังติดต่อกันได้แล้ว โดยมีญาติๆและเพื่อนบ้านมาถามไถ่เรื่องราวและแสดงความยินดีที่ปลอดภัยแล้ว

นายวิทวัส เล่าให้ฟังว่า… ขณะกำลังเดินอยู่ในฟาร์มก็มีการยิงเข้ามา จากนั้นกลุ่มฮามาสก็บุกเข้ามาในฟาร์ม ผมรีบเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่นาน 3 ชั่วโมงเมื่อพวกนั้นออกไปแล้วก็ออกมาจากที่ซ่อนตัว แต่ปรากฎว่ากลุ่มฮามาสกลับเข้ามาอีก เมื่อเห็นผมก็ใช้มีดพยายามฆ่าปาดคอ แต่ผมฮึดสู้ทำให้ถูกแทงคอ หลัง และหน้าผากเลือดไหลออกมากจนหมดสติ

พวกนั้นคงคิดว่าผมตายแล้วจึงเอาโทรศัพท์ไปด้วย อีกชั่วโมงต่อมาผมถึงฟื้นเดินกลับไปที่แคมป์คนงาน เพื่อนคนงาน นายจ้างแจ้งทหารอิสราเอลนำผมส่งรพ.นอนรักษาตัวอยู่ 3 วัน จึงได้ออกจากรพ. รีบติดต่อกลับมาหาภรรยาและลูก ถือว่าผมโชคดีที่รอดชีวิต ไม่อยากอยู่แล้วอยากจะกลับบ้านและไม่ขอกลับมาที่อิสราเอลอีก

ส่วน น.ส.วาสนา เปิดเผยว่า แต่งงานอยู่กินกับนายวิทวัส มีลูกด้วยกัน 1 คน สามีเดินทางไปทำงานเกษตรที่ฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอล สัญญา 5 ปี 3 เดือน ทำงานได้ 4 ปี ไม่เคยกลับมาบ้านได้เงินเดือน 4-5 หมื่นบาท โดยยืมเงินจากนายทุนนอกระบบ 1 แสนบาท 2 ปีแรกทำงานในสวนมะเขือเทศ 2 ปีหลังทำงานในฟาร์มไก่งวงส่งเงินกลับมาให้ซื้อรถปิกอัพ 1 คัน และซื้ออุปกรณ์เตรียมสร้างบ้านไว้แล้ว

ก่อนเกิดเหตุเป็นวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.เป็นวันหยุดสามี แต่เขาขับรถไถออกจากแคมป์ที่พักไปที่ฟาร์มไก่เพื่อเก็บไก่ที่ตายออกมา ขณะเดินอยู่ในฟาร์มไก่และไลฟ์สดในเฟซบุกให้หนูดูด้วย ปรากฎว่ามีการยิงข้ามมา สามีบอกว่ามีการยิงกันแล้ว แต่ครั้งนี้ยิงหนักมาก แถมมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาในฟาร์มด้วย สามีไปหลบซ่อนตัวและห้ามหนูโทรไปหา เพราะเกรงว่ากลุ่มฮามาสจะได้ยิน

หนูก็ไม่โทรแต่พอได้ดูคลิปยิงแรงงานไทยตายในแคมป์ยิ่งห่วงสามีมากขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้พยายามทักแชทกับเพื่อนร่วมงานสามี เย็นวันเดียวกันติดต่อเพื่อนร่วมงานได้ เบอกว่าสามีอยู่ในห้องบาดเจ็บเล็กน้อย นายจ้างติดต่อทหารอิสราเอลมารับไปส่งรพ.แล้ว

น.ส.วาสนา กล่าวต่อว่า หลังรู้ว่าสามีรักษาตัวอยู่รพ.แล้วก็รู้สึกดีใจ ตนและครอบครัวไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกที่เพื่อให้สามีปลอดภัย วันที่ 11 ต.ค.สามีออกจากรพ. ลูกชายนายจ้างให้ใช้โทรศัพท์วีดีโอคอลมาหาทำให้ได้พูดคุยกันก็ดีใจ แต่พอเห็นภาพโดนแทงได้รับบาดเจ็บถึงกับร้องไห้ น่ากลัวมาก สามีรอดชีวิตมาได้อย่างไร ถ้าสามีกลับมาบ้านแล้วจะไม่ให้กลับไปอีก

ด้านนางคำศรี แม่ยายนายวิทวัส บอกว่า ได้กู้หนี้ยืมสินส่งลูกเขยไปทำงานอิสราเอล เพราะตนยกที่ดินให้ลูกสาว ซึ่งลูกเขยอยากสร้างบ้านจึงเดินทางไปทำงานหาเงิน ลูกเขยส่งเงินมาก็ทยอยซื้ออุปกรณ์สร้างบ้านเก็บสะสมไว้ แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นเห็นภาพโดนแทงเลือดเต็มตัว รู้สึกสงสารลูกเขยมากกลับมาแล้วก็จะไม่ให้ไปอีก ทำมาหากินอยู่เมืองไทยบ้านเราดีกว่า

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *