เตือนแล้วให้ออกห่างนิ่ม แต่ว่าลูก รักเมียคนนี้มาก

วันที่ 23 ก.พ. 2566 เมื่อเวลา 09.30 น. บรรยากาศการส่งตัวของนายแจ้ และนายพุด หลังเจ้าหน้าที่นำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม โดยมีแม่จำเนียร พ่อของพุด เดินทางเยี่ยมและให้กำลังใจ หลังเจ้าหน้าที่นำตัวนายพุดและลุงแจ้ออกจากห้องขัง ซึ่งเมื่อคืนนอนแยกคนละห้องกัน

โดยนำทั้งสองใส่กุญแจมือไปด้วยกัน เดินลงมาชั้นล่าง โดยนายพุดเปิดใจเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกส่งตัวฝากขังที่ศาล นายพุด เล่าว่า วันนี้ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ส่วนเรื่องของชายเสื้อเหลือง ต้องไปถามนิ่มเอง เพราะไม่ได้ไปเห็นกับนิ่มด้วย เป็นคำบอกเล่าของนิ่ม ส่วนเรื่องของน้องต่อที่หายตัวไป ตนไม่มีอะไรจะบอก

เท่าที่ถามนิ่มเกี่ยวกับชายเสื้อเหลืองนั้น นิ่มบอกว่าคิดขึ้นมาเองในหัว แต่เรื่องลูกหายไม่เห็นว่าใครเป็นคนอุ้มไป แต่ได้ถามนิ่มแล้วเกี่ยวกับชายเสื้อเหลือง นิ่มก็ไม่ยอมบอก ตนคิดว่านิ่มอาจจะพูดเรื่องจริงก็ได้ พุดเผยว่า… ยังรักและเชื่อนิ่ม แม้จะโกหกเรื่องชายเสื้อเหลือง ซึ่งพุดเคยเตือนนิ่มว่าหากเรื่องไหนไม่ใช่เรื่องของเรา ก็ไม่ต้องเอามาพูด พูดแค่เรื่องที่เรารู้ก็พอ พุดบอกตามตรงว่าไม่รู้เจตนาของนิ่มจริงๆ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าพุดคิดว่าเป็นเรื่องซวยไหมที่มาเจอคนอย่างนิ่ม พุดบอกว่า เป็นความผิดของเราอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องซวย ณ วันนี้เชื่อว่ามีคนมาเอาลูกไป แม้จะไม่มีชายเสื้อเหลืองตามที่นิ่มสารภาพ ส่วนประเด็นเรื่องคราบเลือดที่ติดอยู่ที่รถจยย.สีน้ำเงิน ตนไม่ทราบ

ขณะที่พุดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้านข้าง ลุงแจ้มีสีหน้าครียดและพยายามเบือนหน้าหนีตลอดเวลา หลังจากผู้สื่อข่าวพุดคุยกับพุดเสร็จ จึงหันไปถามลุงแจ้ ลุงแจ้บอกว่า วันนี้ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องยอมรับ จากนั้นเซ็นชื่อต่อหน้าเจ้าหน้าที่และเดินขึ้นรถ เพื่อนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม

ขณะที่ตำรวจกำลังคุมตัวนายพุดและนายแจ้ขึ้นรถคุมขัง เพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม ปรากฏว่า นายสุบิน อายุ 67 ปี พ่อของพุด เดินเข้าให้กำลังใจลูกชาย พร้อมทั้งสวมกอดทั้งน้ำตา ซึ่งนายพุดปลอบใจพ่อ บอกว่า ไม่ต้องร้องไห้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก่อนที่ตำรวจจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพราะกลัวฝากขังไม่ทันเวลา

ด้าน นายสุบิน เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจมากจนพูดอะไรไม่ออก ที่ลูกชายถูกแจ้งข้อหา ที่ผ่านมาตนพยายามเตือนลูกชายแล้ว ให้ออกห่างจากนิ่ม แต่ลูกชายรักภรรยาคนนี้มาก จากเหตุการณ์ทั้งหมดตนมองว่า ลูกสะใภ้ไม่ยอมพูดความจริง ถ้าพูดความจริงคงจบเรื่องไปนานแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตนไม่มีเงินไปประกันลูกชาย คงต้องปล่อยไปตามยถากรรม

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *