ไรเดอร์หนุ่มสู้ชีวิต แม้ขาพิการ 2 ข้าง ไม่ย้อท้อ หวังเก็บเงินเปิดร้านขายเเซนด์วิซเลี้ยงเเม่

วันที่ 7 เมษายน 2566 นายเทวากร หรือเม่ง อายุ 32 ปี ประกอบอาชีพพนักงานส่งอาหาร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ เป็นผู้พิการขาทั้งสองข้างผิดรูปมาตั้งแต่กำเนิด พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านคุณาลัย ซอย2 บ้านเลขที่ 53/12 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น

โดยอาศัยอยู่กับเเม่ และน้องชายรวม 3 คน คุณเเม่ชื่อ น.ส.ภรณัท อายุ 60 ปี อาชีพผู้ช่วยหมอประจำคลีนิครักษาโรคทั่วไป มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 12,000 บาท มีโรคประจำตัวคือ โรคเบาหวานกับโรคความดัน ส่วนน้องชายชื่อนายภูริมาศ อายุ 30 ปี เคยเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อช่วง 10 ปีที่เเล้ว ปัจจุบันมีอาการชักเกร็ง ไร้ซึ่งการรักษา

ขณะที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่พ่อซื้อเงินผ่อนเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งทุกวันนี้พ่อก็ยังผ่อนอยู่ แต่พ่อไม่ค่อยได้กลับมาที่บ้าน เพราะต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดเป็นประจำ ตั้งแต่เล็กจนโตต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิตมาโดยตลอด ไม่เคยท้อต่อโชคชะตา และไม่เอาความพิการมาเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต

เก็บเล็กผสมน้อย หวังสานฝันเปิดร้านขายเเซนด์วิช-น้ำส้มคั้น หาเงินเลี้ยงแม่ จุนเจือครอบครัว สุดภูมิใจคว้าใบปริญญาให้พ่อกับเเม่ได้ชื่นชม หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกตีแผ่ผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ และโลกโซเชี่ยลมีเดียล น.ส.ลลิตา นิยมรัตน์ นักสังคมสงเคราะห์สำนักงานพัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดนนทบุรี (พมจ.นนทบุรี) พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

เดินทางไปพบนายเทวากร หนุ่มพิการสู้ชีวิต พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจำนวน 3,000 บาท อีกทั้งยังช่วยประสานขอความอนุเคราะห์กับทางสถาบันสิรินธรเพื่อฟื้นฟูทางการเเพทย์ ให้ช่วยในเรื่องของการจัดทำรองเท้าเฉพาะสำหรับคนพิการ เพื่อเอาไว้ใช้ใส่เดินในชีวิตประจำวัน

ซึ่งผู้พิการแต่ละคนจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าหากนายเทวากร ไม่ได้ใส่รองเท้าเฉพาะกับอาการพิการที่เป็นอยู่ อาจจะทำให้ขาทั้งสองข้างผิดรูปมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังแนะนำให้นายเทวากร ยื่นเอกสารพร้อมหลักฐาน นำไปกู้ยืมเงินกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้พิการแบบไม่มีดอกเบี้ย โดยมีวงเงินอนุมัติสูงสุดจำนวน 60,000 บาท เพื่อนำมาเป็นทุนทรัพย์ในการต่อยอดลงทุนประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวต่อไป

ณ.บ้านพักที่นายเทวากรและครอบครัว อาศัยอยู่ โดยบ้านหลังดังกล่าวมีสภาพเก่า ทรุดโทรม ขณะเดียวกันนายเทวากร หนุ่มไรเดอร์สู้ชีวิตได้ขับรถ จยย.คู่ใจ เข้ามาที่บ้าน เพื่อแวะมาดูน้องชายที่มีอาการเกร็งชัก เกรงว่าจะเกิดอาการช็อคในขณะที่อยู่บ้านเพียงลำพัง นายเทวากร เปิดเผยว่า… ตนพิการขาทั้ง 2 ข้างผิดรูปมาตั้งแต่เกิด เคยผ่าตัดเลื่อยกระดูกตรงข้อเท้า ทั้ง 2 ข้าง ตอนแรกหมอคิดว่าถ้าเลื่อยขาดแล้วบิดให้ตรง ใส่เฝือกยิงเหล็กทะลุขา ผ่าตัดทุกอย่างหมอก็พยายามทำมาหมดเเล้ว แต่ก็ไม่ได้ผล

พอถอดเฝือกออกกลับมาเดินได้ไม่นาน สักพักข้อเท้าก็ค่อยๆบิดกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนหน้านี้ประมาณปี 2563 ตนเป็นพ่อค้าขายน้ำส้ม และขนมปังแซนวิซที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แต่เนื่องจากช่วงนั้นโรคโควิด-19 ระบาดอย่างหนัก ทางโรงเรียนจึงประกาศปิดการเรียนการสอน ของที่สั่งมาจึงขายไม่ได้ ทำให้ขาดทุนอย่างหนัก

ตอนนั้นเครียดมากไม่รู้จะทำอะไร ไม่อยากเป็นภาระของแม่ ไม่อยากทำให้เเม่เดือดร้อน จึงไปขับไรเดอร์ เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว บางครั้งก็มีอุปสรรคในการเข้าไปส่งของในห้าง บางทีก็ต้องโทรแจ้งให้ลูกค้าลงมารับของเอง เนื่องจากขาไม่ดี บางทีเจอรถติดก็จะขับช้าพอไปถึงก็ถูกลูกค้าบ่น แต่พอเห็นขาของตนเป็นแบบนี้ ก็ไม่ว่าอะไร ซึ่งตนไม่เคยคิดน้อยใจในโชคชะตาที่ทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

ตั้งแต่เล็กจนโตตนหาเงินด้วยตัวเองมาโดยตลอดและในความโชคร้าย ก็ยังมีเรื่องราวดีๆอยู่เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อใส่ใจเรื่องการเรียนเป็นอย่างมาก อยากให้ลูกมีความรู้ติดตัว ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้อยู่กับครอบครัวตลอด แต่พ่อก็ส่งเงินให้ตนเรียนหนังสือจนกระทั่งตนเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้นตามลำดับ แต่สุดท้ายผลจากการทำงานอย่างหนัก

จึงทำให้เท้าข้างขวาเป็นแผลกดทับ ต้องคอยล้างและทำแผลทุกวัน ตอนนี้ตั้งใจทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะที่สุด โดยปกติทุกวันตนจะออกไปขับแกร๊ปเวลา 10.00 น.และจะเเวะเข้ามาดูน้องชายบ้างเป็นครั้งคราว และจะเลิกงานประมาณเที่ยงคืน หักค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือเงินค่าแรงประมาณ 200-300 บาท ต่อวัน ก็ถือว่าพอประทังชีวิตอยู่ได้ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

นายเทวากร กล่าวต่ออีกว่า หลังจากเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้ามามอบเงินช่วยเหลือจำนวน 3,000 บาท และรับปากว่าจะประสานกับสถาบันสิรินธรฯให้จัดทำรองเท้าเฉพาะสำหรับคนพิการ ตนคิดว่าภายในอาทิตย์หน้าคงจะถึงคิวที่ตนต้องไปวัดขนาดเท้า คงอีกไม่นานตนก็จะมีรองเท้าคู่ใหม่ที่เหมาะกับขาของตนสักที เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ขาของตนก็จะค่อยๆบิดเข้ามาอีก

ส่วนเรื่องเงินทุนกู้ยืมเพื่อผู้พิการ ตนคิดว่าคงจะไม่กู้แล้ว เพราะขั้นตอนและเอกสารต่างๆของตนยังไม่พร้อม ตอนนี้ตนก็ยังใช้ชีวิตปกติอย่างที่เคยเป็น ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ซึ่งเงินลงทุนที่ตนจะนำไปขายน้ำส้มและแซนด์วิชอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 บาท คงต้องรอความหวังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ

ตนไม่อยากขับรถแกร๊ปไปตลอดเพราะขาของตนเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุขึ้นเมื่อไหร่ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ผู้พิการและผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองทุกคน ให้สู้กับอุปสรรคที่เจอ ขอแค่เราไม่ท้อและไม่ยอมแพ้ เราเกิดมาเเล้วเราต้องสู้ นายเทวากร กล่าว

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *