จากกรณีเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2565 เกิดเหตุคนขับรถเก๋งวอลโว่ 5 ประตู ย้อนศรมาบนทางด่วนฉลองรัช ก่อนชนเข้ากับรถที่วิ่งมาตามปกติเสียหาย 5 คัน และมีผู้บาดเจ็บหลายราย ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวเงียบหายไปนับสัปดาห์จนมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น
ล่าสุดวันที่ 11 ม.ค. 2566 น.ส.พัทธ์ธีรา เดชแพ ญาติของผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดเผยว่า… เมื่อเวลา 07.00 น.ของวันที่ 25 ม.ค. 2565 ญาติตนนั่งรถออกไปนอกเมืองกับเพื่อน ถึงที่เกิดเหตุพบรถคู่กรณีขับย้อนศรขึ้นมาทางช่องขวาสุด ก่อนชนประสานงานเข้ากับรถญาติตนเป็นกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ มิวเซเว่น คันแรก
ก่อนรถที่ตามหลังมาอีก 4 คันจะชนซ้ำจนเกือบตกทางด่วน น.ส.พัทธ์ธีรา กล่าวต่อว่า ซึ่งแรงปะทะทำให้เครื่องยนต์รถวอลโว่กระเด็นไปถึงรถคันหลังสุด โดยเพื่อนชายคนขับบาดเจ็บ กระดูกซี่โครงและกระดูกขาร้าว ส่วนญาติตนมีซี่โครงร้าว และปอดทะลุ กระดูกคอเคลื่อน ทั้งคู่ต้องรักษาตัวในห้องไอซียู และญาติเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.พัทธ์ธีรา กล่าวอีกว่า… สำหรับวัยรุ่นวัย 21 ปี คนขับที่เป็นคู่กรณีนั้น ทราบจากกู้ภัยว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เพราะขณะนำตัวออกมาจากรถ เจ้าตัวก็สลบต้องปั๊มหัวใจ ซึ่งพ่อคู่กรณีได้มาเยี่ยมขอโทษคนเจ็บทุกคนในวันถัดมาหลังเกิดเหตุ แต่ไม่ได้พูดถึงการเยียวยาที่แน่ชัดว่าจะรับผิดชอบอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่หนีแน่นอน พร้อมหงายการ์ดว่าทำงานราชการ เงินเดือนไม่ได้สูงมาก
น.ส.พัทธ์ธีรา บอกว่า… ถ้าลูกชายหายดีจะพามาขอขมาด้วยตัวเอง ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องมีเพียงคนพ่อที่มาเยี่ยมเท่านั้น นอกจากนี้ พ่อของคู่กรณียังบอกว่า ขณะเกิดเหตุลูกชายอาจจะหลงทาง และกำลังจะกลับบ้าน แต่ยืนยันว่าลูกไม่ดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม พ่อคู่กรณียังไม่ปฏิเสธที่จะให้พวกตน ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน
น.ส.พัทธ์ธีรา กล่าวต่อว่า… สำหรับค่ารักษาพยาบาลนั้น ญาติได้ค่ารักษาจาก พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ และประกันรถยนต์ชั้น 1 ของตัวเอง ครอบคลุมเฉพาะค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 1 ล้าน 8 หมื่นบาท แต่ความเสียหายของตัวรถนั้นซ่อมไม่ได้ ต้องขายซากเท่านั้น เบื้องต้นคาดว่า อาจจะไม่ดำเนินคดีกับคู่กรณีเพิ่มเติม เพียงต้องการได้รถกลับมาใช้งานเท่านั้น แต่หากไม่ได้ ก็อาจจะพิจารณาเอาผิด
รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนทางพิเศษฉลองรัช บริเวณ กม.ที่ 11+100A ก่อนถึงทางขึ้นลาดพร้าว ซึ่งมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 11 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กหญิงอายุ 12 และ 13 ปี ซึ่งตั้งแต่วันเกิดเหตุ ตำรวจ สน.ทางด่วน 1 ได้ทำเรื่องให้โรงพยาบาล ตรวจหาสารเคมีและแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับวอลโว่ และทำหนังสือเร่งรัดผลการตรวจไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับผลกลับมา
โดยคนขับรายนี้ยังเป็นลูกชายของหมอทหารยศนาวาเอก สังกัดกองทัพเรือ มีดีกรีระดับนักกีฬาทีมชาติ ส่วนเรื่องคดีความ ขณะนี้ตำรวจ สน.ทางด่วน 1 ได้ทำเรื่องนัดหมายทั้งฝ่ายคู่กรณีและผู้บาดเจ็บ มาสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนภายในสัปดาห์นี้
