งงใจ รพ. สาวท้องน้ำคร่ำแตก ห้ามคลอดไล่กลับไปนอนบ้าน จนต้องไปคลอดอีก รพ.

จากกรณีที่ทางเฟซบุ๊กเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ return Part3 ได้มีการลงเรื่องราว พร้อมกับลงคลิปประกอบระบุว่า… ใกล้คลอดไป รพ.นึงถูกให้กลับ ไปอีก รพ.คลอดเลย มาตรฐานด้านสาธาณสุข การเข้าถึงการรักษาของประชาชามันต่างกันในแต่ละ รพ.หราา นั้น โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2565 ณ.หมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บ้านของนางดาว โต๊ะหมาด อายุ 39 ปี

ผู้แม่ของนางสาวณัฐพร ดาวดึง อายุ 19 ปี คนท้อง ขณะที่ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพบว่าตัวของนางสาวณัฐพร เดินทางกลับมาจากโรงพยาบาลสิริกิติ์แล้ว พักฟื้นและเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งยังคงอุ้มเด็กชายวัย 3 วันเอาไว้ นางสาวณัฐพร ดาวดึง แม่ของเด็ก เปิดเผยว่า… ตนเองยอมรับผิดที่หลังจากย้ายขึ้นมาจากการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลใน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตอนนั้นอายุครรภ์ได้เพียง 7 เดือน

แต่เมื่อย้ายขึ้นมาอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ขาดการฝากครรภ์ต่อเนื่อง จึงทำให้ไม่ได้มีการฝากครรภ์ และดูแลครรภ์ในช่วงอายุครรภ์ 7-9 เดือนก่อนคลอด เรื่องการฝากครรภ์นั้นตนเองยอมรับผิด เพราะตอนแรกเข้าใจว่าจะย้ายกลับไปอยู่ที่พักใต้ เพียงแค่แวะมาเยี่ยมแม่เท่านั้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะอยู่ยาวถึงค่ำ จึงทำให้ตนเองไม่ได้มีการฝากครรภ์ต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องนี้ยอมรับผิด

ตนเองติดใจต่อการบริการและการเลือกปฏิบัติของโรงพยาบาลในพื้นที่แหลมฉบัง ซึ่งในวันนั้นยอมรับว่าตนเองปวดท้อง เริ่มมีน้ำคล่ำเริ่มเดิน ตนเองก็ไปที่โรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าโรงพยาบาลแห่งแรก บอกว่าเป็นเพียงแค่อาการตกขาว และอาการปวดท้องทั่วไป มดลูกยังไม่เปิด ทั้งที่ตนเองปวดท้อง ซึ่งเป็นอาการใกล้คลอด แต่ทางโรงพยาบาลแนะนำให้กลับไปนอนดูอาการที่บ้าน

หลังจากนั้นแม่ไม่ได้พากลับบ้าน แต่กลับพาเดินทางต่อไปที่โรงพยาบาลแห่งที่สองคือโรงพยาบาลสิริกิติ์ ตนเองเข้าไปตรวจไม่ถึง 1 ชั่วโมง ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลแจ้งว่าปากมดลูกเปิดประมาณ 8 เซนติเมตร พร้อมที่จะคลอด ตนเองก็ได้มีการคลอดทันที ส่วนตัวก็เลยค่อนข้างแปลกใจเกี่ยวกับงานบริการเปรียบเทียบระหว่างโรงพยาบาลแห่งที่หนึ่งกับแห่งที่สอง ทั้งที่แห่งแรกยืนยันว่ายังไม่พร้อมคลอดให้กลับบ้าน

แต่เมื่อมาโรงพยาบาลแห่งที่สองไม่ได้มีการผ่าตัดคลอด แต่เป็นการคลอดเองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่ครอบครัวตัดสินใจที่จะโพสต์แชร์เรื่องราวให้เป็นอุทาหรณ์ ทางโรงพยาบาลแห่งที่หนึ่งก็ยังไม่ได้มีการติดต่อมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทางโรงพยาบาลรับรู้เกี่ยวกับงานบริการหรือความเชี่ยวชาญการดูแลเกี่ยวกับการคลอดบุตรหรือไม่ เพราะจนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็ยังดูเงียบ แต่การที่โพสต์เป็นอุทาหรณ์นั้น ก็ไม่ได้ต้องการที่จะโจมตีหรือที่จะพาดพิงใคร

เป็นเพียงแค่อยากจะให้มีการพัฒนา และดูแลเรื่องงานบริการรวมถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น เพราะถ้าหากยืนยันว่าวันนั้นตนเองกลับมาบ้าน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร หรืออาจจะคลอดคาที่บ้านไปแล้ว

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *