เจ้าของบ้านเดือด เสียใจอย่างหนัก ธนาคารยึดผิดหลัง อยู่มา 14 ปี รื้อของหมดเกลี้ยง

กลายเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก สำหรับ กรณีเจ้าของบ้านร้องทนาย ธนาคารยึดบ้านผิดหลัง ขนของออกไปหมด ก่อนติดประกาศขาย ทั้งที่จริงๆ เป็นบ้านอีก 3 หลังถัดไป โดนทางด้านเพจเฟสบุ๊กทนายคู่ใจ ของ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากแฟนเพจท่านหนึ่ง กรณีที่บ้านของตัวเองถูกธนาคารยึด โดยเป็นการยึดผิดหลัง โดยผู้ร้องเรียนเล่ารายละเอียด ระบุว่า…

บ้านอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน จ.ปทุมธานี เป็นบ้านเลขที่ 99/38 แต่เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านของตนออกไปจนหมด เหลือแต่บ้านโล่งๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปจนหมด และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก โดยที่เจ้าของบ้านซึ่งอาศัยอยู่ที่อื่นไม่ทราบเรื่อง

ต่อมาวันที่ 15 กันยายน 2565 เพื่อนบ้านสงสัยว่าทำไมมีป้ายติดประกาศว่าบ้านเป็นทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก และติดประกาศขาย แต่ในประกาศเป็นบ้านเลขที่ 99/44 เพื่อนบ้านเลยโทรติดต่อธนาคารไปเพื่อที่จะขอซื้อ จึงได้รู้ว่าบ้านที่จะขายนั้นบ้านเลขที่99/44 ไม่ใช่ บ้านเลขที่ 99/38

เพื่อนบ้านจึงโทรแจ้งตนถาม จะขายบ้านหรือ เห็นคนมารื้อบ้าน และติดป้ายของธนาคาร ทำให้ตนทราบเรื่องจากเพื่อนบ้าน จึงได้รีบเดินทางไปที่บ้าน เห็นตามสภาพ เหลือแค่บ้านโล่งๆ ของถูกรื้อเอาออกไปจนหมดทุกอย่าง ประตูห้องครัวและประตูระเบียงถูกปิดล็อกโดยกุญแจของธนาคาร และก็ได้โทรแจ้งทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร คอลเซ็นเตอร์ก็รับเรื่องไว้ ต่อมาวันที่ 16 กันยายน ได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจลาดหลุมแก้ว

คืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2565 ที่ บริษัท ทนายคู่ใจ จำกัด นายสมเกียรติ อายุ 53 ปี และ นางกาญจนา อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย เดินทางมาร้องเรียนกับ ทนายรณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ก่อนพาสื่อมวลชนไปดูสภาพบ้าน ภายในหมูบ้านแห่งหนึ่ง ต.บางคูวัด จ.ปทุมธานี

ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 65 ธนาคารพร้อมกับผู้รับเหมา บุกเข้ามาในบ้าน และเริ่มทำการรีโนเวทใหม่ พร้อมกับติดป้ายประกาศว่า ทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก โดยมีช่างกินนอนใช้น้ำใช้ไฟอยู่ในบ้าน 3-4 วัน ซึ่งช่วงนั้นตนอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ต่อมา 15 ก.ย. 65 เพื่อนบ้านโทรมาถามว่าจะขายบ้านหรอ มีคนมารีโนเวทบ้าน เห็นว่าบ้านเลขที่ไม่ใช่ 99/38 แต่เป็น 99/40 ซึ่งอยู่ถัดออกไปอีก 3 หลัง ซึ่งเพื่อนบ้านได้ลองโทรธนาคาร เลยทำให้ธนาคารรู้ว่ายึดบ้านผิดหลัง และรีบมาเอาป้ายประกาศออก เหลือไว้แต่กุญแจสีชมพู

ผู้เสียหาย บอกอีกว่า พอมาเห็นสภาพบ้าน ถึงกับร้องไห้ออกมา เพราะบ้านเปลี่ยนไปหมดเลย กันสาดหน้าบ้านถูกรื้อออก ต้นไม้ถูกตัด ทรัพย์ในบ้านทั้ง เสื้อผ้า หนังสือ รูปถ่ายครอบครัว พระเครื่อง รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าหายหมดเกลี้ยง รู้สึกสะเทือนใจมาก พอเห็นของรัก ที่เก็บไว้นานแล้วหายไป เหมือนความทรงจำมันหายไปหมดแล้ว โมบายของเล่นที่ทำให้ลูกชายตอนเด็ก ที่เก็บเอาไว้ก็หายไป ลูกชายถึงกับร้องไห้ออกมา บ้านหลังนี้อยู่มา 14 ปี ผ่อนกับอีกธนาคารหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธนาคารนั้นเลย ไม่คิดว่าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้

ผู้เสียหาย บอกอีกว่า เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2565 ได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี พอติดต่อไปยังธนาคาร ยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด ที่เข้ามายึดบ้านผิดหลัง จึงได้ไปไกล่เกลี่ยกันต่อหน้าตำรวจ เพื่อตกลงเรียกร้องค่าเสียหาย โดยเบื้องต้นประเมินไว้ที่ 2 ล้านบาท แต่ทางธนาคารก็ยังไม่ได้ตอบรับ ผ่านมาเกือบ 1 เดือน อยากให้ธนาคารแสดงความรับผิดชอบ

ขณะที่ ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจกระบวนการทำงานของทางธนาคาร จึงอยากให้ออกมาชี้แจง เนื่องจากจะไปยึดบ้านหลังไหนต้องมีรายละเอียดของบ้าน เช่น บ้านเลขที่ หรือหลังไหนที่ชัดเจน แต่กลับมายึดบ้านผิดหลังเช่นนี้ โดยจะแจ้งความดำเนินคดีใน 4 ข้อหา 1.บุกรุก , 2.ลักทรัพย์ , 3.ทำให้เสียทรัพย์ และ 4.หมิ่นประมาท

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *