น้ำปลาร้ายังไม่จบ สาวแฉสั่งทำน้ำปลาร้าโรงงานดัง ไม่ตรงสูตร-ขายไม่ได้ ธุรกิจล้มหมดตัว

จากกรณีที่มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งออกมาแชร์เรื่องราว เคยสั่งผลิตน้ำปลาร้า แต่กลับไม่ตรงตามสูตรที่ตกลงกันไว้ กลิ่นเหมือนซอส จนสินค้าถูกตีกลับ ขายไม่ได้ จนธุรกิจล้ม สูญเงินเปล่านับ 2 ล้านบาท จนชาวเน็ตแห่เดาว่าใช่โรงงานเจ้าดังที่กำลังมีประเด็นกับแม่ค้าออนไลน์ชื่อดังหรือไม่

ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 9 ก.ค.66 น.ส.สิริธร หรือคุณนุช เปิดเผยว่า… ย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตนเป็นอดีตเจ้าของร้านส้มตำแห่งหนึ่ง เคยออกรายการโทรทัศน์หลายรายการ จนเริ่มมีชื่อเสียง และทำให้มีคนมาขอสูตรและซื้อน้ำปลาร้าของตนเองหลายครั้ง ช่วงแรกจึงต้มน้ำปลาร้าบรรจุใส่ขวดขายเอง แต่ต่อมาเริ่มมีลูกค้าติดใจในรสชาติ ความต้องการเพิ่มขึ้นตกวันละ 2,000 กว่าขวด จึงเกิดไอเดียอยากทำเป็นธุรกิจน้ำปลาร้าที่ได้มาตรฐาน จึงหาโรงงานที่มีใบรับรองและน่าเชื่อถือ

น.ส.สิริธร กล่าวว่า ก่อนเจอโรงงานหนึ่งในจ.ขอนแก่น ซึ่งในตอนนั้นโรงงานยังไม่ได้ใหญ่มาก มีเพียงโรงเก็บคลังสินค้า แต่ด้วยความเชื่อใจในความเป็นคนบ้านเดียวกัน จึงติดต่อให้โรงงานนี้ผลิตน้ำปลาร้า โดยเป็นนการปรับจากสูตรของตนเองจนลงตัว ต่อมาได้จัดงานแถลงข่าวโดยเชิญสื่อมวลช และตัวแทนน้ำปลาร้าของตนเองมาร่วมงาน

ก่อนจะสั่งผลิตในช่วงต้นปี 2561 ล็อตแรก 5,000 ขวด แต่ในตอนนั้นไม่ได้ติดฉลากสินค้าออกมาจากโรงงาน เนื่องจากอยากจะประหยัดต้นทุนให้ได้มากที่สุด โดยให้โรงงานส่งน้ำปลาร้ามา ส่วนตัวสติกเกอร์นั้น ตนจะปริ้นจากร้านแถวบ้านแล้วนำมาแปะเอง น.ส.สิริธร กล่าวว่า… จากนั้นตนได้ส่งสินค้าให้ตัวแทนไป แต่ต่อมาได้รับฟีดแบ็กจากตัวแทนว่า รสชาติของน้ำปลาร้านั้นเหมือนซีอิ๊วดำผสมน้ำ ไม่มีกลิ่นปลาร้าเลย แถมยังมีกลิ่นซอสที่แรงมาก อีกทั้งสีของน้ำปลาร้าเป็นสีดำ

ตนได้ชิมแล้วก็พบว่าเป็นรสชาตินั้นจริงๆ ต่อมาจึงสอบถามไปยังโรงงานว่าแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ซึ่งโรงงานพยายามบ่ายเบี่ยง บอกให้ตนชูจุดขายว่าเป็น ซอสน้ำปลาร้า แทน ตนและตัวแทนพยายามจะทำคอนเทนต์การตลาดในเชิงดังกล่าว แต่สุดท้ายแล้วไม่สามารถขายได้ เนื่องด้วยกลิ่นซอสที่แรงมาก ทำให้ไม่สามารถไปประกอบอาหารได้ จึงนำไปบริจาคแทน เนื่องจากไม่กล้าที่นำออกไปขายได้ในนามชื่อเสียงของเรา

น.ส.สิริธร กล่าวว่า สุดท้ายทางโรงงานก็ไม่รับเคลม แต่ตนต้องใช้เงิน เนื่องจากการกู้เงินนั้นมีดอกเบี้ย และมีค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่าย จึงต้องพยายามหาวิธีขายสินค้า เพื่อให้มีต้นทุนต่อยอด จึงตัดสินใจจะเปิดบริษัทส่งออกน้ำปลาร้าไปต่างประเทศ โดยการจดทะเบียนบริษัท เพื่อส่งออกซึ่งต้องขอใบรับรองประทับตราจากโรงงาน เพื่อแนบเอกสารหนังสือรับรองบริษัท ปรากฏว่าตามถึงโรงงานก็ยังไม่ได้เอกสาร เจ้าของโรงงานให้ไปก๊อปหน้าเพจโรงงาน

ซึ่งพอนำไปยื่นจดทะเบียนบริษัทก็ไม่สามารถใช้ได้ พอทวงถามก็หายไป ทำให้ไม่สามารถเดินหน้าทำธุรกิจต่อได้ จนเป็นหนี้ทั้งในและนอกระบบที่นำมาลงทุนกว่า 2 ล้านบาท บ้านและรถโดนยึด ต้องหนีเจ้าหนี้ไปอยู่ต่างจังหวัด ก่อนจะกลับมาตั้งหลักและทยอยใช้หนี้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด

น.ส.สิริธร กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนนั้น เฉพาะแค่น้ำปลาร้าเองนั้นไม่ได้เยอะมาก รวมกับค่าวัตถุดิบ ค่าขวด ทำสติกเกอร์ ค่าขนส่งสินค้า อยู่ที่ประมาณหลักแสน แต่ที่หนักเลยคือในส่วนของการเปิดบริษัทและทำการตลาดประชาสัมพันธ์ พร้อมแถลงข่าวเปิดตัว รวมเป็นประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยเงินสดส่วนหนึ่ง เงินจากหุ้นส่วน และมาจากการกู้เงินทั้งในและนอกระบบอีกส่วนหนึ่ง

น.ส.สิริธร กล่าวว่า สำหรับสูตรน้ำปลาร้านั้น ตนชิมแล้วตั้งแต่ตอนปรับสูตร และในวันแถลงข่าว แต่พอสินค้าออกมาจริงๆ กลับไม่ได้เหมือนตามสูตรที่ตกลงกันไว้ น.ส.สิริธร กล่าวว่า… ส่วนกระแสที่หลายคนตั้งขอสังเกตว่าตนดูไม่เศร้าเลยนั้น ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนจิตใจมาก ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 5 ปี

หลังธุรกิจล้มจนหมดตัว ตนเองเริ่มมีอาการป่วยนอนไม่หลับและเคยคิดจะจบชีวิต 2 ครั้ง จนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชแห่งหนึ่ง วันนี้ตนเองเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว พยายามดึงตัวเองออกมาจากจุดนั้น เพราะไม่อยากจะจมอยู่กับเรื่องดังกล่าว ไม่เช่นนั้นทุนก็หมด สุขภาพก็เสีย ไม่มีใครให้พึ่ง มีแต่คนรอเหยียบย่ำซ้ำเติม

ซึ่งตอนแรกตนเองไม่ได้คิดจะออกมาพูดเรื่องนี้อีก เพราะยังรู้สึกสะเทือนใจ แต่ก็มีตัวแทนจำหน่ายที่รู้เรื่องนี้ แนะนำว่าให้ออกมาพูด เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนทำธุรกิจคนอื่นๆ แต่ตนเองไม่ได้คาดหวังว่าจะกลายเป็นไวรัล เพราะเป็นแค่เสียงเล็กๆ เท่านั้น แต่เนื่องจากช่วงนี้มีกระแสเรื่องของพิมรี่พายพอดี เลยทำให้เสียงตนเองดังขึ้น

สุดท้ายนี้ตนเองไม่ได้คิดจะฟ้องร้องโรงงานดังกล่าว เพราะอยากจะพูดคุยกันซึ่งๆ หน้ามากกว่า และอยากจะถามเขาว่า… รู้มั้ยว่าเราล้ม หมดไปเท่าไหร่ เราต้องหนีหนี้ และอยากบอกว่า เวรกรรมมีจริง สิ่งที่เขาพูดในวันนี้ คือสิ่งที่เราร้องอ้อนวอนขอเขาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถามว่าสงสารเขามั้ย ตนเองสงสารตนเองมากกว่า

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *