กุศลอันยิ่งใหญ่ หนุ่มจยย.คว่ำ สมองตาย ญาติบริจาคอวัยวะ มอบชีวิตใหม่ให้ 4 ราย

วันที่ 10 ม.ค. 2566 ณ.ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ นพ.ศิริชัย สรธัชธำรง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ มอบเกียรติบัตร พร้อมด้วยหรีดเคารพศพจากศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย

โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ให้แก่ นายบุญสืบ ดวงลาพิมพ์ อายุ 44 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ ที่ประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิตด้วยภาวะเลือดคั่งในสมอง ที่ตึกไอซียูศัลยกรรมและได้บริจาคอวัยวะ เพื่อนำไปช่วยผู้ป่วยรายอื่นได้อีก 4 ราย โดยมีพ่อ แม่ และน้องสาว เป็นตัวแทนรับมอบ

นางสงบ ดวงลาพิมพ์ อายุ 65 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนมีลูก 2 คน ผู้เสียชีวิตเป็นคนโต ส่วนน้องสาวไปมีครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด ตนอยู่กับลูกชาย 2 คน ส่วนสามีไปทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัด ตนมีโรคประจำตัวหลายโรคแขนขาอ่อนแรง ต้องพึ่งพาลูกชายซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่ยังไม่มีครอบครัว

เป็นคนคอยดูแลในทุกเรื่อง ลูกชายเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น บ้านไหนมีงานก็จะอาสาไปช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ทำให้เป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน นางสงบ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุในช่วงค่ำของวันที่ 8 ม.ค. 2566 ลูกชายขี่รถจักรยานยนต์จะไปช่วยงานศพที่วัดในหมู่บ้าน แต่ประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักตกข้างทางอาการสาหัส

อาสากู้ภัยได้นำตัวส่งโรงพยาบาลชนแดน แต่อาการสาหัส จึงส่งต่อมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ แต่เกิดภาวะสมองตาย ในทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิตแล้ว นางสงบ กล่าวอีกว่า ระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเพชรบูรณ์เข้ามาพูดคุยถึงโครงการบริจาคอวัยวะเพื่อต่อชีวิตผู้ป่วยรายอื่น

ตนจึงปรึกษากับครอบครัว ทุกคนเห็นดีด้วยที่จะบริจาค เพื่อจะทำบุญให้กับลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย และผลบุญจะได้ส่งให้ดวงวิญญาณไปสู่ภพภูมิที่ดี นางชไมพร ศรีทอง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ หัวหน้าศูนย์รับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า…

คนไข้ประสบอุบัติเหตุและถูกส่งตัวมาจากโรงพยาบาลชนแดน ซึ่งแพทย์ทำการรักษาอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากศีรษะคนไข้ถูกกระทบกระเทือนเป็นอย่างมาก ทำให้เลือดคั่งในสมอง ต่อมาเกิดภาวะสมองตายซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าเสียชีวิตแล้ว จึงได้ไปพูดคุยกับญาติถึงโครงการบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งญาติก็ยินดีที่จะบริจาคทุกอย่างที่สามารถนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้

นางชไมพร กล่าวต่อว่า ตนได้ประสานไปยังสภากาชาดไทย เพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาจัดเก็บอวัยวะ ซึ่งผู้บริจาครายนี้มีร่างกายที่แข็งแรง สามารถบริจาคอวัยวะที่สำคัญคือหัวใจกับตับได้ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านระยะเวลาการเดินทาง

จึงน่าเสียดายที่ไม่สามารถจัดเก็บอวัยวะดังกล่าวได้ จึงจัดเก็บได้เพียงกระจกตา 2 ข้าง ไต 2 ข้าง ซึ่งสามารถนำไปช่วยเหลือต่อชีวิตผู้ป่วยรายอื่นได้อีกถึง 4 คน จึงขอให้ผลบุญที่บริจาคอวัยวะในครั้งนี้ส่งผลให้ดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตไปสู่สุคติในสัมปรายภพเทอญ

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *