วันที่ 30 เม.ย. 2566 ที่สำนักสงฆ์เขางิ้ว ม.8 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ชาวบ้านแห่เดินทางมาหลังไม่พอใจพระสัญชัย เจ้าสำนักสงฆ์เขางิ้ว มีพฤติกรรมไม่ดีไม่เหมาะสม แอบลอบมีเพศสัมพันธ์ กับหญิงสาวรายหนึ่ง มานานเกือบปี โดยมี นางไพร (นามสมมุติ) อายุ 72 ปี และ นายนิด (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นย่าและน้าเขย ของหญิงรายดังกล่าว พร้อมกลุ่มชายและหญิง อีก 3-4 คน กำลังพูดคุย เชิงต่อว่าต่อขานอยู่กับ พระสัญชัย ฐิตธัมโม เจ้าสำนักสงฆ์เขางิ้ว ซึ่งนั่งอยู่ในศาลาไม้ไผ่
โดยมีลูกศิษย์วัดก้นกุฏิ นั่งอยู่ข้างๆ นางไพร (นามสมมุติ) อายุ 72 ปี กล่าวว่า ตนเคารพและศรัทธา พระสัญชัย มานาน จะแวะเวียนมาทำบุญ ถือศีล ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มาตลอด เพราะเห็นสำนักสงฆ์แห่งนี้ มีพระที่เป็นนักพัฒนา จากสำนักสงฆ์ที่เคยรกร้าง กลับกลายมาดีขึ้น สะอาดและมีสิ่งปลูกสร้าง จนมีชาวบ้านมานั่งสมาธิกันเป็นจำนวนมาก แต่ไม่คิดว่า ความไว้เนื้อเชื่อใจ ต้องมาหายไปหลังจากที่ทราบจาก น.ส.บี (นามสมมุติ) วัย 32 ปี หลานสาว แอบได้เสียกับเจ้าสำนักสงฆ์แห่งนี้มาหลายครั้ง
ตนรู้สึกไม่สบายใจ จึงชวนญาติ ๆ และ น.ส.บี มาสอบถามโดยตรงและอยากจะได้ยินจากปากพระเพื่อความชัดเจนด้วย ด้าน พระสัญชัย กล่าวว่า ทุกอย่างไม่เป็นความจริง ตนครองสมณศักดิ์ความเป็นพระอย่างดีมาตลอด ไม่เคยออกนอกลู่พระธรรมวินัยแม้แต่ครั้งเดียว ที่ตนบวชก็ตั้งใจจะพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ได้ดี เป็นแหล่งเผยแพร่พระพุทธศาสนา และพัฒนาต่อยอดให้ยกระดับให้เป็นวัดเพื่อจะเดินหน้าให้เป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในชุมชนแห่งนี้อีกด้วย
ส่วนหนึ่งเสพเมถุนนั้น ตนเคยถูกปรักปรำมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งที่ผ่านมา ผู้ที่ปรักปรำไม่มีหลักฐานอะไร มาเป็นพยาน ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ ตนเชื่อว่า หากทำดี ทำด้วยบริสุทธิ์ใจ ก็สามารถรอดพ้นภัยได้ทุกประการ ส่วน นายนิด (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี น้าเขยของ น.ส.บี ถามพระสัญชัย เป็นครั้งสุดท้ายว่า ได้แอบมีอะไรกับหลานสาวตนหรือไม่ ซึ่งพระสัญชัย ก็ยังยืนยัน ว่าไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว หากหยอกล้อ ก็ยอมรับว่ามีบ้าง แต่ไม่เคยเกินเลย
นายนิด จึงยกโทรศัพท์มือถือ ของ น.ส.บี หลานสาว มาโชว์ พร้อมกล่าวว่า เมื่อให้โอกาสพูดแล้ว แต่ยังดื้อ ปากแข็ง ตนก็จะนำคลิปเสียง และ ข้อความที่พระสัญชัย พูดคุยกับ น.ส.บี มาแฉเป็นพยาน หลักฐาน และเจ้าคณะฝ่ายปกครองสงฆ์ดู พระสัญชัย ถึงกลับหน้าถอดสี พร้อมเอ่ยว่า หากทุกคนต้องการให้สึก ตนก็พร้อมสึก เพื่อตัดปัญหาทุกอย่างให้จบไป อีกทั้งยังเอ่ยปากว่าสงสาร น.ส.บี ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เสียหาย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง
ต่อมา พระสัญชัย ได้โทรศัพท์ไปยัง พระครูถาวร สีลาจาร เจ้าอาวาสวัดเขาดิน ในตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเมือง จ.ชุมพร ให้ได้ทราบพร้อมขอสึกเพื่อตัดปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าคณะอำเภอเมือง ได้แสดงความรู้สึกเห็นดีด้วยและได้ทำพิธีถอดจีวร สึกไปในที่สุด จากการสอบถาม น.ส.บี ทราบว่า ก่อนหน้านี้ตน สามีและลูก มักจะมาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้แทบทุกวันพระ และมักจะมาร่วมพิธีทางศาสนาทุกครั้งที่จัดงาน จนสนิทกับ พระสัญชัย ชนิดเรียกใช้ได้ตลอด
ต่อมาเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา พระสัญชัย ได้เรียกตนมาตอนเที่ยงคืน และจะทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ เพราะเป็นวันดี ตนจึงเดินทางมาเพียงคนเดียว เมื่อมาถึงก็ได้พาตนไปบนกุฏิ พร้อมให้นอน จากนั้นก็เริ่มร่ายมนต์คาถา ไม่นานก็เริ่มให้มือลูบไปตามตัวของตน ทุกซอกทุกมุม ตนพยายามปัดแต่ทาง พระสัญชัย ก็บอกให้นิ่ง จนทำพิธีเสร็จ
น.ส.บี กล่าวว่า ครั้งนั้นไม่มีอะไรนอกจากเมื่อล้วงลูบร่างกายตัวเท่านั้น ต่อมา พระสัญชัย ก็เริ่มทักแชทมาคุยและเรียกตนมาอีก ซึ่งตนก็มาและครั้งนี้ก็ได้เสียกับพระสัญชัย บนกุฏิ และมีกันเรื่อยๆ ตลอดมา โดยพระจะแชทมานัดตนจากเที่ยงคืน จนหลังเริ่มมาเกือบเช้า ประมาณตี 3 เพราะต้องมาช่วยแม่ชีทำขนม โดยจะฉวยโอกาสตอนที่มาถึง แล้วขึ้นไปมีอะไรกันก่อน แล้วลงมาช่วยแม่ชีทำขนม
แต่ช่วงหลังๆ เรื่องเริ่มแดง มีคนเริ่มพูด ประกอบกับทาง พระสัญชัย คาดน่าจะมีหญิงคนใหม่ มักจะไม่ให้ตนเข้าใกล้ จนล่าสุดตนได้ปรึกษาญาติคนหนึ่ง พระสัญชัย รู้เรื่อง ก็ได้ทักแชทและโทรศัพท์ มาขอร้องว่าอย่าให้หลักฐานใคร ให้ปฏิเสธทุกอย่าง ไม่เป็นความจริง แต่ในที่สุดทางย่าและน้าเขย และสามีตนมาเค้นถาม ตนจึงเล่าให้ฟังจนหมด และทางย่าและน้าเขย รู้สึกโกรธมาก จึงได้นำตนมาที่สำนักสงฆ์และเกิดเหตุจนพระสัญชัย ต้องยอมสึก ดังกล่าว
