ทนายโต้สาวหล่อ อยู่กัน 3 คน แบบเปิดเผยมาตลอด ไปเที่ยวด้วยกันยังถ่ายรูปยิ้มแฉ่ง

จากกรณีวันที่ 9 พ.ย. 2565 โลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์เรื่องราวสาวหล่อรายหนึ่ง โดยเพจหนุ่ม กรรชัย ได้โพสต์เรื่องราวเอาไว้ ซึ่งสาวหล่อรายหนึ่ง ทราบคือ น.ส.ปลา (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ที่ต้องตกเป็นเครื่องเครื่องมือของเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ฯ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง นายจอ (นามสมมติ) และ น.ส.บอ (นามสมมติ) สองผัวเมียเป็นเจ้าของ

จากนั้นได้มีการออกอุบายบังคับให้ น.ส.ปลา เช็นสัญญาให้เป็นเมียอีกคน เพียงเพราะ น.ส.บอ แอบไปคบหาสาวหล่อ และวันที่ 10 พ.ย. 2565 ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้พา น.ส.ปลา สาวหล่อผู้เสียหาย อายุ 30 ปี เข้าร้องเรียนกับ พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

หลังถูกเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ชื่อดังร่างสัญญาบังคับนอนด้วยกัน 3 คนผัวเมีย ล้างหนี้ 5 แสน พยายามคิดจะหนีแต่ถูกตามถึงเครือญาติ หลังจากนั้นผู้เสียหายฝ่ายชายได้เสนอทางเลือก 2 ทางคือ ต้องคืนเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้ไป หรือหากรักภรรยาของผู้เสียหายมากเมื่ออยู่กันมา 5-6 ปี

จึงเสนอให้มาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน หลังจากนั้นจึงได้ตกลงมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน ในลักษณะชาย 1 หญิง 2 โดยมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน รวมทั้งมีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ด้วยกันอย่างเปิดเผย ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ไปประเทศสิงคโปร์ นอนโรงแรมหรูในพัทยา รวมทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ

ไปร้านอาหารก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้ง 3 คนกันอย่างเปิดเผย หลับนอนด้วยกันโดยไม่มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว ทนายความกล่าวว่า… ต่อมาฝ่ายสาวหล่อได้มีการร้องขอให้มีการทำสัญญาเป็นหลักฐาน ในการอยู่ลักษณะชาย 1 หญิง 2 เพราะกลัวว่าหากไม่มีการพอใจกันขึ้นมาอาจจะมีการฟ้องร้องเรื่องของการเป็นชู้ เพราะผู้เสียหายทั้งสองมีทะเบียนสมรสกันอยู่

จึงทำข้อตกลงเพื่อป้องกันตัวเอง โดยมีข้อห้ามเรื่องการทำร้าย ทำให้เสียชื่อเสียง แต่ข่าวที่ออกไปกลับกลายเป็นสัญญาทาส ทั้งที่เป็นการทำสัญญาที่มีข้อตกลงกันเอง โดยไม่การบังคับหรือขู่เข็ญ ทนายยังบอกอีกว่า… ทั้ง 3 คน คบกันสักระยะหนึ่ง คาดว่าคงมีเรื่องไม่เข้าใจกัน ระหว่าง 2 เมีย 1 ผัว ทะเลาะกัน

จึงไปกล่าวหาว่าเป็นเรื่องข่มขืนกระทำชำเรา พยายามออกข่าวเพื่อเอากระแสสังคมมากดดันพนักงานสอบสวน ที่ฝ่ายตนมาชี้แจงในครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล สุดท้ายเชื่อว่าคดีจะจบลงด้วยดี เพราะถือว่าเป็นคนในครอบครัว แต่มีปัญหาไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง สุดท้ายหากมานั่งคุยและปรับความเข้าใจกันเชื่อทุกฝ่ายคงจบลงไปด้วยดี

About the author

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *